การเปลี่ยนแปลงนโยบายของ Google เกี่ยวกับคุกกี้
Google ได้ประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายเกี่ยวกับการยกเลิกคุกกี้จากบุคคลที่สามใน Chrome โดยจะไม่ยกเลิกการใช้งานคุกกี้ตามแผนเดิม แต่เปลี่ยนมาใช้วิธีใหม่ที่ให้ผู้ใช้มีอำนาจควบคุมข้อมูลส่วนตัวได้มากขึ้น การตัดสินใจนี้ถือเป็นการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ด้านความเป็นส่วนตัวครั้งสำคัญของ Google
สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากความกังวลในอุตสาหกรรมโฆษณาที่ต้องรับมือกับโลกที่ไม่มีคุกกี้ Google ต้องหาจุดสมดุลระหว่างการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้และการสนับสนุนความต้องการของนักการตลาด
รายละเอียดสำคัญสำคัญของการเปลี่ยนแปลงนโยบาย:
- Google จะแนะนำ “ประสบการณ์ใหม่” ใน Chrome ที่จะให้ผู้ใช้สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวในการท่องเว็บได้อย่างอิสระ
- Google ยังคงพัฒนา Privacy Sandbox APIs เพื่อเป็นตัวเลือกแทนการใช้คุกกี้
- Google กำลังหารือกับหน่วยงานที่กำกับดูแล เช่น CMA และ ICO ของสหราชอาณาจักร เพื่อประสานการเปลี่ยนแปลงนี้
ผลการทดสอบ Privacy Sandbox ของ Google:
- สามารถกู้คืนค่าใช้จ่ายโฆษณาใน Google Display Ads ได้ถึง 89%
- สามารถกู้คืนการแปลงต่อดอลลาร์ใน Google Display Ads สูงถึง 97%
- สามารถกู้คืนค่าใช้จ่ายในการทำ Remarketing สำหรับ Google Ads ได้ 55%
Anthony Chavez รองประธานฝ่าย Privacy Sandbox ของ Google กล่าวว่า “เราพัฒนา Privacy Sandbox โดยมีเป้าหมายเพื่อหาวิธีแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์ซึ่งจะช่วยปรับปรุงความเป็นส่วนตัวออนไลน์อย่างมีความหมาย ในขณะเดียวกันก็รักษาอินเทอร์เน็ตที่สนับสนุนด้วยโฆษณาไว้”
การตัดสินใจในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากมีการถกเถียงและความล่าช้าหลายครั้งในการยกเลิกคุกกี้จากบุคคลที่สามของ Google กว่า 4 ปี อย่างไรก็ตาม Google ยังไม่ได้กำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนสำหรับแนวทางใหม่นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่เคยเกิดขึ้นจากความล่าช้าในอดีต
TBS Marketing มองว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ Google ครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อวงการโฆษณาดิจิทัล โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางที่พึ่งพาการโฆษณาผ่าน Google เป็นหลัก ธุรกิจจำเป็นต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิดและเตรียมพร้อมปรับกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลให้สอดคล้องกับแนวทางใหม่ของ Google ต่อไป
ผลกระทบต่อการโฆษณาออนไลน์และความเป็นส่วนตัว
การตัดสินใจของ Google ที่จะไม่ยกเลิกการใช้คุกกี้จากบุคคลที่สามใน Chrome ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการโฆษณาออนไลน์และความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
ในด้านการโฆษณาออนไลน์ การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ช่วยให้นักการตลาดและบริษัทโฆษณาสามารถใช้ข้อมูลจากคุ้กกี้ในการกำหนดเป้าหมายและปรับแต่งเนื้อหาเพื่อการโฆษณาต่อไปได้ ซึ่งช่วยในการรักษาประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา แต่นักการตลาดอาจต้องเตรียมตัวรับผลกระทบหากในอนาคตไม่มีระบบเก็บข้อมูลผ่านคุกกี้อีกต่อไป โดยนักการตลาดอาจต้องเลือกใช้กลยุทธ์และเทคโนโลยีอื่นๆ
ในแง่ของความเป็นส่วนตัว การตัดสินใจเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้อาจสร้างความกังวลใจให้กับผู้ใช้งานที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในการท่องเว็บไซต์ แม้ว่า Google จะเสนอให้ผู้ใช้มีอำนาจในการควบคุมมากขึ้น แต่การใช้คุ้กกี้จากบุคคลที่สามอาจทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ถูกเก็บรวบรวมและใช้งานโดยบริษัทอื่นๆ
ผลกระทบสำคัญอีกประการหนึ่งคือ การแข่งขันในอุตสหกรรมเทคโนโลยี โดย Google ที่ลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่จะเข้ามาทดแทนการใช้คุกกี้ไปแล้ว อาจได้เปรียบคู่แข่งรายอื่นๆในอุตสหกรรม และการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ อาจส่งผลให้คู่แข่งต้องปรับกลยุทธ์ของตนเองให้ทันการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
TBS Marketing มองว่าธุรกิจต่างๆ ควรใช้โอกาสนี้ในการวางแผนปรับสมดุลระหว่างการใช้ข้อมูลของผู้บริโภคและความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภค โดยพัฒนาแนวทางการเก็บข้อมูลและการใช้ข้อมูลที่โปรงใสและให้ทางเลือกแก่ผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างความไว้วางใจและสร้างความภัคดีต่อแบรนด์ในระยะยาว
ความท้าทายในการนำเสนอทางเลือกอื่นๆทดแทนการใช้คุกกี้
การสร้างทางเลือกทดแทนคุกกี้เป็นความท้าทายสำคัญสำหรับ Google และอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เนื่องจากต้องพัฒนาวิธีการใหม่ที่สามารถรักษาสมดุลระหว่างประสิทธิภาพของการโฆษณาและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
ความทท้าทายหลักในการสร้างทางเลือกทดแทนคุ้กกี้:
- การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่มีแระสิทธิภาพเที่ยบเท่าคุ้กกี้ เทคโนโลยีทดแทนต้องสามารถติดตามพฤติกรรมผู้ใช้และกำหนดเป้าหมายในการทำโฆษณาได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัว
- การสร้างมาตรฐานใหม่ที่เป็นที่ยอมรับของทั้งอุตสหกรรม ซึ่งต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้ที่ดำเนินธุรกิจในวงการเทคโนโลยีและการโฆษณา
- การปรับตัวของนักการตลาดและบริษัทโฆษณา ต้องเรียนรู้และปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ ซึ่งอาจจต้องใช้เวลาและทรัพยากร
- การสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้งาน ต้องแสดงให้เห็นว่าทางเลือกใหม่สามารถปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลได้ดีกว่าคุกกี้
- การปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับด้านความเป็นส่วนตัว ต้องพัฒนาเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับกฏหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในปะเทศต่างๆ
Google กำลังพัฒนา Privacy Sandbox เพื่อเป็นทางเลือกทดแทนคุ้กกี้ โดยมีเป้าหมายในการป้องกันนความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานพร้อมทั้งสนับสนุนการทำงานของการทำโฆษณาออนไลน์ การพัฒนาในครั้งนี้ต้องใช้เวลาและความร่วมมือจากหลายฝ่าย
นอกจากนี้ความท้าทายอีกส่วนหนึ่งคือ การสร้างสมดุลระหว่างความต้องการของผู้ที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกเพื่อการทำโฆษณาออนไลน์ กับความต้องการของผู้ใช้ที่ต้องการควบคุมขอมูลส่วนตัวของตนเองเมื่อใช้งาน การออกแบบระบบให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการแชร์ข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยตนเองโดยที่ยังรักษาประสิทธิภาพของการโฆษณาเป็นสิ่งที่ท้าทายต่อการพัฒนาในครั้งนี้
TBS Marketing มองว่าธุรกิจควรติดตามการพัฒนาในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด และทดลองใช้เครื่องมือและแพลตฟอร์มใหม่ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับในอนาคตที่อาจไม่มีคุ้กกี้อีกต่อไปในขณะเดียวกันก็ควรให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์โดยตรงกับลูกค้าและการเก็บข้อมูล first-party data เพื่อลดการพึ่งพาข้อมูลจากบุคคลที่สาม
ความคิดเห็นของอุตสหกรรมและผู้ใช้งาน
การตัดสินใจของ Google ที่จะไม่ยกเลิกการใช้คุกกี้จากบุคคลที่สามใน Chrome ได้สร้างปฏิกิริยาที่หลากหลายจากทั้งอุตสาหกรรมและผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต
ในฝั่งของอุตสาหกรรมโฆษณา หลายบริษัทแสดงความโล่งใจที่ยังสามารถใช้คุกกี้ในการทำการตลาดต่อไปได้ โดยสมาคมนักการตลาดดิจิทัลแห่งหนึ่งกล่าวว่า “การตัดสินใจครั้งนี้จะช่วยให้อุตสาหกรรมมีเวลาในการปรับตัวและพัฒนาทางเลือกที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น” อย่างไรก็ตาม บางบริษัทที่ได้ลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีทดแทนคุกกี้ไปแล้วอาจรู้สึกผิดหวังที่ต้องปรับเปลี่ยนแผนอีกครั้ง
ด้านผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต มีทั้งกลุ่มที่สนับสนุนและคัดค้านการตัดสินใจของ Google กลุ่มที่สนับสนุนมองว่าการใช้คุกกี้ช่วยให้ได้รับประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ที่ดีขึ้นและโฆษณาที่ตรงกับความสนใจ ในขณะที่กลุ่มที่คัดค้านแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและการติดตามพฤติกรรมออนไลน์
องค์กรด้านสิทธิผู้บริโภคหลายแห่งวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของ Google โดยระบุว่าเป็นการละเลยความกังวลด้านความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ มีการเรียกร้องให้ควบคุมการใช้คุกกี้อย่างเข้มงวดมากขึ้นและให้ผู้ใช้มีสิทธิในการเลือกว่าจะถูกติดตามหรือไม่
ในขณะเดียวกัน หน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศกำลังพิจารณาทบทวนกฎระเบียบด้านความเป็นส่วนตัวเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยคณะกรรมาธิการยุโรปได้ประกาศว่าจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินการของ Google สอดคล้องกับกฎหมาย GDPR
บริษัทเทคโนโลยีรายอื่นๆ เช่น Apple และ Mozilla ยังคงยืนยันที่จะดำเนินการตามแผนการจำกัดการใช้คุกกี้จากบุคคลที่สามในเบราว์เซอร์ของตน ซึ่งอาจทำให้เกิดความแตกต่างในมาตรฐานความเป็นส่วนตัวระหว่างเบราว์เซอร์ต่างๆ
TBS Marketing มองว่าธุรกิจควรติดตามปฏิกิริยาหรือแนวโน้มความคิดเห็นของผู้บริโภคเกี่ยวกับการใช้คุกกี้อย่างใกล้ชิด และพิจารณาปรับกลยุทธ์การการเก็บข้อมูลและการทำการตลาดให้สอดคล้องกับความต้องการด้านความเป็นส่วนตัวของลูกค้ามากขึ้น ทั้งนี้การสร้างความโปรงใสในการใช้ข้อมูลของลูกค้าและการนำเสนอทางเลือกที่ลูกค้าสามารถปรับแต่งความต้องการของตนเองได้จะช่วยสร้างความภัคดีต่อแบรนด์ในระยะยาว