ค่าตัวชี้วัดที่สำคัญใน Google Search Console ที่ควรตรวจสอบทุกเดือน

สารบัญ

    คลิกและการแสดงผลในหน้าผลการค้นหา

    การตรวจสอบค่าตัวชี้วัดสำคัญใน Google Search Console เป็นสิ่งที่ควรทำเป็นประจำทุกเดือน เพื่อติดตามประสิทธิภาพของเว็บไซต์และปรับปรุงอันดับในผลการค้นหา หนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญคือข้อมูลเกี่ยวกับคลิกและการแสดงผลในหน้าผลการค้นหา

    ในส่วนนี้ คุณควรตรวจสอบตัวเลขต่อไปนี้:

    1. จำนวนคลิก (Clicks) – แสดงถึงจำนวนครั้งที่ผู้ใช้คลิกเข้าชมเว็บไซต์ของคุณจากผลการค้นหา การเพิ่มขึ้นของจำนวนคลิกเป็นสัญญาณที่ดี แต่หากลดลงอย่างมีนัยสำคัญควรตรวจสอบสาเหตุ
    2. จำนวนการแสดงผล (Impressions) – บอกว่าลิงก์เว็บไซต์ของคุณปรากฏในผลการค้นหากี่ครั้ง แม้ผู้ใช้จะไม่ได้คลิกเข้าชม การเพิ่มขึ้นของการแสดงผลแสดงว่าเว็บไซต์มีโอกาสปรากฏในผลการค้นหามากขึ้น
    3. อัตราการคลิก (CTR) – คำนวณจากจำนวนคลิกหารด้วยจำนวนการแสดงผล แสดงถึงประสิทธิภาพในการดึงดูดให้ผู้ใช้คลิกเข้าชมเว็บไซต์ CTR ที่สูงขึ้นเป็นสิ่งที่ดี
    4. ตำแหน่งเฉลี่ย (Average Position) – บอกถึงตำแหน่งเฉลี่ยของเว็บไซต์ในผลการค้นหา ตัวเลขที่ต่ำลงแสดงว่าเว็บไซต์ติดอันดับสูงขึ้น

    ควรเปรียบเทียบตัวเลขเหล่านี้กับช่วงเวลาก่อนหน้า เช่น เดือนที่แล้วหรือปีที่แล้ว เพื่อดูแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง หากพบการลดลงอย่างมีนัยสำคัญควรวิเคราะห์สาเหตุและหาทางแก้ไข เช่น ปรับปรุงเนื้อหา ทำ SEO ให้ดีขึ้น หรือแก้ไขปัญหาทางเทคนิคต่างๆ

    นอกจากนี้ ควรตรวจสอบข้อมูลแยกตามหน้าเว็บ คำค้นหา และประเทศ เพื่อวิเคราะห์ในเชิงลึกว่าส่วนไหนของเว็บไซต์ทำผลงานได้ดีหรือแย่ลง ซึ่งจะช่วยให้สามารถปรับปรุงได้ตรงจุด

    การติดตามตัวชี้วัดเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณเข้าใจประสิทธิภาพของเว็บไซต์ในมุมมองของ SEO ได้ดียิ่งขึ้น และสามารถปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มการมองเห็นและการเข้าชมเว็บไซต์จากการค้นหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    อันดับของคำค้นหาและตำแหน่งเฉลี่ย

    การติดตามอันดับของคำค้นหาและตำแหน่งเฉลี่ยเป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดสำคัญที่ควรตรวจสอบเป็นประจำใน Google Search Console เพื่อประเมินประสิทธิภาพ SEO ของเว็บไซต์ ในส่วนนี้ คุณควรให้ความสนใจกับข้อมูลต่อไปนี้:

    1. คำค้นหาที่ติดอันดับสูงสุด – ตรวจสอบว่าคำค้นหาใดบ้างที่เว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้นๆ ในผลการค้นหา ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นจุดแข็งของเว็บไซต์และโอกาสในการสร้างเนื้อหาเพิ่มเติมในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง
    2. คำค้นหาที่มีการเปลี่ยนแปลงอันดับมากที่สุด – ดูว่าคำค้นหาใดมีอันดับเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อวิเคราะห์สาเหตุและปรับปรุงกลยุทธ์ SEO
    3. ตำแหน่งเฉลี่ยโดยรวม – ติดตามการเปลี่ยนแปลงของตำแหน่งเฉลี่ยของเว็บไซต์ในผลการค้นหาโดยรวม ซึ่งจะบ่งบอกถึงแนวโน้มการปรับปรุงหรือลดลงของอันดับเว็บไซต์
    4. การกระจายตัวของอันดับ – ตรวจสอบว่าคำค้นหาส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอันดับใด เช่น หน้าแรก (1-10), หน้าที่สอง (11-20) หรือต่ำกว่านั้น เพื่อวางแผนการปรับปรุง

    การวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณ:

    • ระบุคำค้นหาที่มีโอกาสในการปรับปรุงอันดับ
    • ค้นพบคำค้นหาใหม่ๆ ที่เว็บไซต์ของคุณติดอันดับโดยไม่ได้ตั้งใจ
    • ติดตามผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาหรือโครงสร้างเว็บไซต์ต่ออันดับการค้นหา
    • ปรับกลยุทธ์ SEO ให้เหมาะสมกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของอันดับ

    นอกจากนี้ ควรเปรียบเทียบข้อมูลอันดับกับช่วงเวลาก่อนหน้า เช่น เดือนที่แล้วหรือปีที่แล้ว เพื่อดูการพัฒนาในระยะยาว หากพบว่าอันดับลดลงอย่างต่อเนื่อง อาจต้องพิจารณาปรับปรุงคุณภาพเนื้อหา เพิ่มลิงก์ภายใน หรือสร้างแบ็คลิงก์ที่มีคุณภาพ

    สำหรับธุรกิจในประเทศไทย การติดตามอันดับคำค้นหาภาษาไทยเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากการแข่งขันในตลาดท้องถิ่นอาจแตกต่างจากตลาดสากล ดังนั้น ควรให้ความสำคัญกับการปรับปรุง SEO ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการค้นหาของผู้ใช้ชาวไทย เพื่อเพิ่มโอกาสในการติดอันดับสูงสำหรับคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณในประเทศไทย

    ประสิทธิภาพของหน้าเว็บและความเร็วในการโหลด

    ประสิทธิภาพของหน้าเว็บและความเร็วในการโหลดเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่ออันดับในการค้นหาและประสบการณ์ของผู้ใช้ Google Search Console มีเครื่องมือที่ช่วยให้คุณตรวจสอบและปรับปรุงประสิทธิภาพเหล่านี้ได้ ต่อไปนี้คือตัวชี้วัดสำคัญที่ควรให้ความสนใจ:

    1. Core Web Vitals – เป็นชุดของตัวชี้วัดที่ Google ใช้ประเมินประสิทธิภาพของเว็บไซต์ ประกอบด้วย:
      • Largest Contentful Paint (LCP) – วัดความเร็วในการโหลดเนื้อหาหลักของหน้าเว็บ
      • First Input Delay (FID) – วัดความเร็วในการตอบสนองต่อการกระทำของผู้ใช้
      • Cumulative Layout Shift (CLS) – วัดความเสถียรของการแสดงผลหน้าเว็บ
    2. Mobile Usability – ตรวจสอบปัญหาการใช้งานบนอุปกรณ์มือถือ เช่น ขนาดตัวอักษรเล็กเกินไป หรือองค์ประกอบที่ซ้อนทับกัน
    3. Page Experience – รวมถึงปัจจัยอื่นๆ นอกเหนือจาก Core Web Vitals เช่น ความปลอดภัยของเว็บไซต์ (HTTPS) และการไม่มีโฆษณาที่รบกวนผู้ใช้
    4. Page Speed Insights – ให้คำแนะนำในการปรับปรุงความเร็วของหน้าเว็บทั้งบนคอมพิวเตอร์และมือถือ

    การปรับปรุงประสิทธิภาพเหล่านี้มีความสำคัญเพราะ:

    • ช่วยเพิ่มอันดับในผลการค้นหา เนื่องจาก Google ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้ใช้
    • ลดอัตราการตีกลับ (Bounce Rate) และเพิ่มระยะเวลาในการเข้าชมเว็บไซต์
    • สร้างความประทับใจแรกที่ดีให้กับผู้เข้าชมเว็บไซต์
    • เพิ่มโอกาสในการแปลงผู้เข้าชมเป็นลูกค้า

    ในการปรับปรุงประสิทธิภาพ คุณควร:

    • ตรวจสอบรายงาน Core Web Vitals และ Mobile Usability เป็นประจำทุกเดือน
    • แก้ไขปัญหาที่พบตามลำดับความสำคัญ โดยเริ่มจากหน้าที่มีการเข้าชมสูง
    • ทำงานร่วมกับทีมพัฒนาเว็บไซต์เพื่อปรับปรุงโค้ดและโครงสร้างเว็บไซต์
    • ใช้เทคนิคการบีบอัดรูปภาพและไฟล์ต่างๆ เพื่อลดขนาดและเพิ่มความเร็วในการโหลด
    • พิจารณาใช้ Content Delivery Network (CDN) เพื่อกระจายการโหลดเนื้อหา

    สำหรับเว็บไซต์ในประเทศไทย การปรับปรุงประสิทธิภาพมีความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศมีความคาดหวังสูงในเรื่องความเร็วและประสบการณ์การใช้งาน การทำให้เว็บไซต์โหลดเร็วและใช้งานง่ายบนอุปกรณ์มือถือจะช่วยเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันและสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ใช้ชาวไทย ซึ่งจะส่งผลดีต่อการทำ SEO และการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว

    ปัญหาทางเทคนิคและข้อผิดพลาดของเว็บไซต์

    การตรวจสอบและแก้ไขปัญหาทางเทคนิคและข้อผิดพลาดของเว็บไซต์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ SEO เนื่องจากปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไขอาจส่งผลกระทบต่ออันดับในการค้นหาและประสบการณ์ของผู้ใช้ Google Search Console มีเครื่องมือที่ช่วยให้คุณระบุและแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อไปนี้คือประเด็นสำคัญที่ควรให้ความสนใจ:

    1. ข้อผิดพลาด 404 (Not Found) – ตรวจสอบและแก้ไขลิงก์ที่ไม่ทำงานหรือหน้าเว็บที่ไม่มีอยู่จริง เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้และการเข้าถึงเนื้อหา
    2. ข้อผิดพลาด Crawl – ระบุและแก้ไขปัญหาที่ทำให้ Google ไม่สามารถเข้าถึงหรือทำความเข้าใจเนื้อหาของเว็บไซต์ได้
    3. ปัญหา Robots.txt – ตรวจสอบว่าไฟล์ robots.txt ไม่ได้บล็อกหน้าเว็บสำคัญโดยไม่ตั้งใจ
    4. ปัญหา Sitemap – ตรวจสอบความถูกต้องของไฟล์ Sitemap และแก้ไขข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น
    5. ปัญหา Schema Markup – ตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดในการใช้ Schema Markup เพื่อให้ Google เข้าใจเนื้อหาของเว็บไซต์ได้ดียิ่งขึ้น
    6. ปัญหาความปลอดภัย – ตรวจสอบและแก้ไขปัญหาความปลอดภัย เช่น การใช้ HTTPS ที่ไม่ถูกต้อง หรือการมีมัลแวร์บนเว็บไซต์

    การจัดการกับปัญหาเหล่านี้มีความสำคัญเพราะ:

    • ช่วยให้ Google สามารถเข้าถึงและทำความเข้าใจเนื้อหาของเว็บไซต์ได้ดียิ่งขึ้น
    • ปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ ลดความสับสนและความผิดหวัง
    • เพิ่มโอกาสในการติดอันดับสูงในผลการค้นหา
    • สร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ในสายตาของ Google และผู้ใช้

    วิธีการจัดการกับปัญหาทางเทคนิคและข้อผิดพลาด:

    1. ตรวจสอบรายงานข้อผิดพลาดใน Google Search Console เป็นประจำ อย่างน้อยเดือนละครั้ง
    2. จัดลำดับความสำคัญของปัญหา โดยเริ่มแก้ไขจากปัญหาที่ส่งผลกระทบมากที่สุดก่อน
    3. ใช้เครื่องมือ URL Inspection เพื่อตรวจสอบหน้าเว็บเฉพาะเจาะจงที่มีปัญหา
    4. ทำงานร่วมกับทีมพัฒนาเว็บไซต์ เพื่อแก้ไขปัญหาทางเทคนิคที่ซับซ้อน
    5. ติดตามผลหลังการแก้ไข เพื่อให้แน่ใจว่าปัญหาได้รับการแก้ไขอย่างถาวร

    สำหรับเว็บไซต์ในประเทศไทย การจัดการกับปัญหาทางเทคนิคและข้อผิดพลาดมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากตลาดออนไลน์ในไทยมีการแข่งขันสูง การมีเว็บไซต์ที่ทำงานได้อย่างราบรื่นและปราศจากข้อผิดพลาดจะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน นอกจากนี้ การแก้ไขปัญหาทางเทคนิคยังช่วยให้เว็บไซต์ของคุณพร้อมรองรับการอัพเดตอัลกอริธึมของ Google ในอนาคต ซึ่งจะช่วยรักษาและเพิ่มอันดับในผลการค้นหาสำหรับคำค้นหาภาษาไทยที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ

    Free Strategy Consultation


    As a full-service agency, we take pleasure in providing comprehensive solutions that are tailored to your specific requirements.

    Simply contact one of our experts by phone, filling out our contact form, or sending us an email. We're always available to listen and assist you as you navigate the ever-changing world of digital marketing.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

    ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

    คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

    ยอมรับทั้งหมด
    จัดการความเป็นส่วนตัว
    • เปิดใช้งานตลอด

    บันทึกการตั้งค่า