รายละเอียดของ Business Links
Google Ads กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Business Links ซึ่งเป็นรูปแบบสินทรัพย์โฆษณาพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายภายในโฆษณาค้นหาเดียว
ด้วยการอนุญาตให้มีหลายหัวเรื่องที่ปรับแต่งได้สำหรับแต่ละลิงก์ Business Links ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมีส่วนร่วมกับโฆษณาและความเกี่ยวข้องผ่านเนื้อหาแบบไดนามิก โดยได้รับการปรับให้เหมาะสมด้วยความช่วยเหลือของ AI ของ Google
วิธีการทำงาน Business Links ทำงานคล้ายกับ sitelinks แต่มีความยืดหยุ่นมากกว่า:
- หัวเรื่องที่ปรับแต่งได้: ด้วยหัวเรื่องสูงสุด 3 รายการต่อลิงก์ ผู้ลงโฆษณาสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่หลากหลายและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น
- การเพิ่มประสิทธิภาพด้วย AI: เปิดใช้งานเป็นค่าเริ่มต้น AI ของ Google ช่วยในการสร้างหัวเรื่องเพิ่มเติมและปรับเนื้อหาให้เหมาะสมแบบเรียลไทม์ คุณสามารถปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ได้ในการตั้งค่าแคมเปญ
วิธีการตั้งค่า ผู้ลงโฆษณาสามารถเพิ่ม Business Links ได้ในระดับบัญชี แคมเปญ หรือกลุ่มโฆษณาภายใน Google Ads แต่ละลิงก์ต้องมี:
- หัวเรื่อง: สูงสุด 3 หัวเรื่อง ความยาวไม่เกิน 30 ตัวอักษร
- คำอธิบาย: 1 คำอธิบาย ความยาวไม่เกิน 90 ตัวอักษร
- URL ปลายทาง: URL ของหน้าลงจอดสำหรับลิงก์นั้น
การหยุดชั่วคราวหรือลบลิงก์ ผู้ลงโฆษณาสามารถหยุดชั่วคราวหรือลบ Business Link ได้ตามต้องการ การหยุดชั่วคราวจะเก็บลิงก์ไว้เพื่อเปิดใช้งานอีกครั้ง ในขณะที่การลบจะลบลิงก์ออกจากแคมเปญอย่างถาวร
การติดตามประสิทธิภาพ สามารถดูประสิทธิภาพของแต่ละ Business Link ได้ผ่านแท็บ Assets > Associations ใน Google Ads ข้อมูลสำคัญรวมถึงสถานะการอนุมัติสินทรัพย์และข้อมูลแหล่งที่มา ซึ่งระบุว่าสินทรัพย์ถูกสร้างขึ้นด้วยตนเองหรือโดยอัตโนมัติโดย AI ของ Google
สำหรับผู้ที่สนใจด้าน SEO ในประเทศไทย การใช้ Business Links อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำโฆษณา Google Ads ควบคู่ไปกับกลยุทธ์ SEO ที่แข็งแกร่ง เพื่อเพิ่มการมองเห็นและการมีส่วนร่วมของแบรนด์ในผลการค้นหาของ Google
ประโยชน์ต่อธุรกิจและผู้ใช้งาน
Business Links นำเสนอประโยชน์มากมายทั้งสำหรับธุรกิจที่ลงโฆษณาและผู้ใช้งานที่ค้นหาข้อมูล ดังนี้:
ประโยชน์สำหรับธุรกิจ:
- เพิ่มความยืดหยุ่นในการนำเสนอเนื้อหา: ธุรกิจสามารถปรับแต่งหัวข้อและคำอธิบายให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายได้มากขึ้น
- เพิ่มโอกาสในการคลิก: ด้วยลิงก์ที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ผู้ใช้มีแนวโน้มที่จะคลิกเข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น
- ปรับปรุงคุณภาพโฆษณา: เนื้อหาที่เกี่ยวข้องมากขึ้นช่วยเพิ่ม Quality Score ซึ่งอาจนำไปสู่ต้นทุนต่อคลิกที่ต่ำลง
- ใช้ประโยชน์จาก AI: ระบบ AI ของ Google ช่วยสร้างและปรับแต่งหัวข้อให้เหมาะสมกับการค้นหาแบบเรียลไทม์
ประโยชน์สำหรับผู้ใช้งาน:
- ข้อมูลที่เกี่ยวข้องมากขึ้น: ผู้ใช้สามารถเห็นตัวเลือกที่เฉพาะเจาะจงกับความต้องการของตนมากขึ้น
- ประหยัดเวลาในการค้นหา: ลิงก์ที่เกี่ยวข้องช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้เร็วขึ้น
- ประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น: โฆษณาที่ปรับแต่งให้เหมาะสมช่วยให้การค้นหาข้อมูลมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การใช้งานร่วมกับ SEO:
สำหรับนักการตลาดดิจิทัลในประเทศไทย การใช้ Business Links ร่วมกับกลยุทธ์ SEO ที่แข็งแกร่งสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม:
- เสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์: การปรากฏในผลการค้นหาทั้งแบบออร์แกนิคและแบบมีค่าใช้จ่ายช่วยเพิ่มการรับรู้แบรนด์
- ข้อมูลเชิงลึกสำหรับ SEO: ข้อมูลจาก Business Links สามารถนำมาใช้ปรับปรุงกลยุทธ์ SEO ได้
- ครอบคลุมพื้นที่ผลการค้นหา: การใช้ทั้ง SEO และ PPC ช่วยให้แบรนด์ครอบครองพื้นที่มากขึ้นในหน้าผลการค้นหา
โดยสรุป Business Links นำเสนอโอกาสใหม่ๆ สำหรับธุรกิจในการปรับปรุงประสิทธิภาพของโฆษณา Google Ads ในขณะเดียวกันก็มอบประสบการณ์การค้นหาที่ดีขึ้นสำหรับผู้ใช้ สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ในประเทศไทย การผสมผสานเทคนิคนี้เข้ากับกลยุทธ์ SEO ที่มีอยู่สามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ทางการตลาดดิจิทัลที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
วิธีการทดสอบและการนำไปใช้
การทดสอบและนำ Business Links ไปใช้เป็นขั้นตอนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญโฆษณาของคุณ ต่อไปนี้คือวิธีการทดสอบและนำ Business Links ไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ:
1. การเข้าร่วมโครงการนำร่อง:
- ติดต่อตัวแทน Google ของคุณเพื่อขอเข้าร่วมโครงการนำร่อง Business Links
- หากได้รับการอนุมัติ คุณจะสามารถเข้าถึงฟีเจอร์นี้ในบัญชี Google Ads ของคุณ
2. การตั้งค่า Business Links:
- เข้าสู่บัญชี Google Ads ของคุณ
- ไปที่ส่วน “Assets” และเลือก “Business Links”
- คลิก “+” เพื่อสร้าง Business Link ใหม่
- กรอกข้อมูลที่จำเป็น เช่น หัวเรื่อง คำอธิบาย และ URL ปลายทาง
- บันทึกและเพิ่ม Business Link ลงในแคมเปญหรือกลุ่มโฆษณาที่ต้องการ
3. การทดสอบประสิทธิภาพ:
- สร้าง Business Links หลายๆ แบบสำหรับแต่ละแคมเปญหรือกลุ่มโฆษณา
- ใช้หัวเรื่องและคำอธิบายที่แตกต่างกันเพื่อทดสอบว่าแบบไหนได้ผลดีที่สุด
- เปิดใช้งานการเพิ่มประสิทธิภาพด้วย AI เพื่อให้ Google ช่วยสร้างและปรับแต่งหัวเรื่องเพิ่มเติม
- ติดตามผลการดำเนินงานผ่านแท็บ “Assets > Associations” ใน Google Ads
4. การวิเคราะห์และปรับปรุง:
- ติดตามอัตราการคลิก (CTR) และอัตราการแปลง (Conversion Rate) ของแต่ละ Business Link
- วิเคราะห์ว่าลิงก์ไหนได้ผลดีที่สุดสำหรับแต่ละกลุ่มเป้าหมายหรือคำค้นหา
- ปรับปรุงเนื้อหาและ URL ปลายทางตามผลการวิเคราะห์
- ทดลองใช้ AI ในการสร้างหัวเรื่องและเปรียบเทียบกับหัวเรื่องที่สร้างเอง
5. การขยายผล:
- เมื่อพบ Business Links ที่มีประสิทธิภาพ ให้ขยายการใช้งานไปยังแคมเปญอื่นๆ
- พิจารณาเพิ่มจำนวน Business Links ในแต่ละแคมเปญ (Google แนะนำให้ใช้อย่างน้อย 6 ลิงก์)
- ทดลองใช้ Business Links ร่วมกับรูปแบบโฆษณาอื่นๆ เช่น Responsive Search Ads
6. การปรับให้เหมาะกับตลาดไทย:
- ใช้ภาษาไทยในการสร้าง Business Links เพื่อดึงดูดผู้ใช้ในประเทศไทย
- ปรับหัวเรื่องและคำอธิบายให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมและความสนใจของคนไทย
- พิจารณาใช้คำที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลหรือช่วงเวลาสำคัญในประเทศไทย
สำหรับผู้ที่ทำ SEO ในประเทศไทย การทดสอบและนำ Business Links ไปใช้ควบคู่กับกลยุทธ์ SEO ที่มีอยู่ สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาดดิจิทัลแบบองค์รวม โดยการใช้ข้อมูลจาก Business Links มาปรับปรุงกลยุทธ์ SEO และในทางกลับกัน นำความรู้จาก SEO มาปรับปรุง Business Links ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการโฆษณาออนไลน์
การเปิดตัว Business Links ของ Google มีผลกระทบที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมการโฆษณาออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย ดังนี้:
1. การเปลี่ยนแปลงในการออกแบบโฆษณา:
- นักการตลาดจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การสร้างโฆษณาให้รองรับรูปแบบ Business Links
- เน้นการสร้างเนื้อหาที่หลากหลายและเฉพาะเจาะจงมากขึ้นสำหรับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย
- การใช้ AI ในการสร้างและปรับแต่งโฆษณาจะกลายเป็นทักษะที่สำคัญ
2. การแข่งขันที่เพิ่มขึ้น:
- ธุรกิจที่ใช้ Business Links อย่างมีประสิทธิภาพอาจได้เปรียบในการแข่งขัน
- อาจเกิดการแข่งขันด้านราคาประมูลที่สูงขึ้นสำหรับคำค้นหาที่มีมูลค่าสูง
- ธุรกิจขนาดเล็กอาจต้องปรับตัวเพื่อแข่งขันกับบริษัทขนาดใหญ่ที่มีทรัพยากรมากกว่า
3. การเปลี่ยนแปลงในการวัดผล:
- เกิดความจำเป็นในการพัฒนาตัวชี้วัดใหม่ๆ เพื่อประเมินประสิทธิภาพของ Business Links
- การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกจะมีความสำคัญมากขึ้นในการปรับปรุงประสิทธิภาพของโฆษณา
- อาจมีการปรับเปลี่ยนวิธีการคำนวณ Quality Score ของ Google
4. ผลกระทบต่อ SEO:
- อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการคลิกของผู้ใช้ ส่งผลต่อการจัดอันดับผลการค้นหาแบบออร์แกนิค
- นักทำ SEO อาจต้องพิจารณาการใช้ Business Links ร่วมกับกลยุทธ์ SEO ที่มีอยู่
- การผสมผสานระหว่าง SEO และ PPC จะมีความสำคัญมากขึ้นในการสร้างกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่ครอบคลุม
5. การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมโฆษณาของไทย:
- เอเจนซี่โฆษณาในไทยจำเป็นต้องพัฒนาทักษะใหม่ๆ เพื่อใช้ประโยชน์จาก Business Links อย่างเต็มที่
- อาจเกิดความต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านการโฆษณาดิจิทัลที่มีความรู้เฉพาะทางมากขึ้น
- ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในไทยอาจต้องลงทุนเพิ่มในการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง
6. โอกาสใหม่สำหรับนักการตลาดดิจิทัลในไทย:
- เกิดโอกาสในการพัฒนาบริการใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ Business Links อย่างมีประสิทธิภาพ
- นักการตลาดที่สามารถใช้ AI และ Business Links ได้อย่างชำนาญจะมีความได้เปรียบในตลาดแรงงาน
- อาจเกิดการพัฒนาเครื่องมือและซอฟต์แวร์ใหม่ๆ เพื่อจัดการและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของ Business Links
สำหรับผู้ที่ทำงานด้าน SEO ในประเทศไทย การเข้าใจและปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความสามารถในการแข่งขัน การผสมผสานความรู้ด้าน SEO เข้ากับความเข้าใจในการใช้ Business Links จะช่วยสร้างกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับลูกค้าและธุรกิจในประเทศไทย