การทดสอบคดีผูกขาด AdTech ของ Google: สิ่งที่คุณควรรู้

สารบัญ

    ความเป็นมาของคดีการกีดกันด้านแอดเทคของ Google

    คดีการกีดกันด้านแอดเทคของ Google เป็นคดีที่มีความสำคัญอย่างมากในวงการโฆษณาดิจิทัล โดยกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ได้ยื่นฟ้อง Google ด้วยข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด โดยกล่าวหาว่า Google ใช้อำนาจในตลาดอย่างไม่เป็นธรรมเพื่อควบคุมอุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัลมูลค่า 200 พันล้านดอลลาร์

    กระทรวงยุติธรรมกล่าวว่า Google ใช้การซื้อกิจการและพฤติกรรมต่อต้านการแข่งขัน เพื่อครอบงำเครื่องมือเทคโนโลยีโฆษณาทั้งหมด ซึ่งรวมถึงเครื่องมือที่ผู้ลงโฆษณาและผู้เผยแพร่โฆษณาใช้ในการซื้อขายโฆษณา รวมถึงแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนที่เชื่อมโยงทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกัน

    ทาง Google ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยชี้ให้เห็นว่าในตลาดโฆษณาดิจิทัลยังมีบริษัทโฆษณาหลายรายที่แข่งขันกัน และมีการใช้เครื่องมือที่หลากหลาย ไม่ใช่เฉพาะของ Google เท่านั้น นอกจากนี้ Google ยังกล่าวว่า ค่าธรรมเนียมของตนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม และหากแพ้คดีนี้ ธุรกิจขนาดเล็กจะได้รับผลกระทบมากที่สุด

    ผลของคดีนี้อาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อ Google และผู้เผยแพร่โฆษณา อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าผู้ลงโฆษณาอาจได้รับผลกระทบเช่นกัน ในขณะเดียวกันก็มีความเป็นไปได้ว่า ผลการพิจารณาคดีอาจไม่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ และ Google อาจสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ตามปกติ

    คดีนี้เริ่มขึ้นในวันที่ 9 กันยายน 2566 โดยในวันแรกของการพิจารณาคดี ทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยได้นำเสนอข้อกล่าวหาและข้อโต้แย้งของตน กระทรวงยุติธรรมได้กล่าวหาว่า Google ควบคุมเครือข่ายโฆษณาของผู้ลงโฆษณา ครอบงำเซิร์ฟเวอร์โฆษณาของผู้เผยแพร่ และเป็นผู้ดำเนินการแลกเปลี่ยนโฆษณาที่เชื่อมโยงทั้งสองฝ่าย

    ในขณะที่ Google ได้โต้แย้งนิยามของโฆษณาแสดงผลบนเว็บแบบเปิด และอ้างว่านิยามตลาดของกระทรวงยุติธรรมถูก “บิดเบือน” เพื่อทำให้ Google ดูเป็นผู้ร้าย นอกจากนี้ Google ยังได้นำเสนอแผนภูมิแสดงคู่แข่งรายสำคัญ เช่น Microsoft, Amazon, Meta และ TikTok

    คดีนี้อาจกำหนดว่า การควบคุมของ Google ในอุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัลถือเป็นการผูกขาดที่ผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อวิธีการเผยแพร่ข้อมูลออนไลน์ในอนาคต TBS Marketing แนะนำให้ผู้ประกอบการและนักการตลาดติดตามความคืบหน้าของคดีนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์การโฆษณาดิจิทัลในระยะยาว

    ประเด็นสำคัญที่ถูกกล่าวหาในคดี

    ในคดีการกีดกันเรื่องแอดเทคของ Google มีประเด็นสำคัญหลายประการที่ถูกกล่าวหา ดังนี้:

    • การผูกขาดตลาดโฆษณาดิจิทัล: กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กล่าวหาว่า Google ใช้อำนาจเหนือตลาดในทางมิชอบเพื่อควบคุมอุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัลมูลค่ากว่า 200 พันล้านดอลลาร์
    • การควบคุมเครื่องมือโฆษณาทั้งระบบ: Google ถูกกล่าวหาว่าได้ยึดครองการควบคุมเครื่องมือเทคโนโลยีโฆษณาทั้งหมด ทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขายโฆษณา รวมถึงแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนที่เชื่อมโยงทั้งสองฝ่าย
    • การใช้ข้อมูลผู้ใช้อย่างไม่เป็นธรรม: มีการกล่าวหาว่า Google ใช้ข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ได้จากบริการต่างๆ เช่น YouTube และ Search เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม
    • การกีดกันคู่แข่ง: Google ถูกกล่าวหาว่าใช้การควบคุมเหนือเซิร์ฟเวอร์โฆษณาเพื่อจำกัดการแข่งขันและนวัตกรรมในอุตสาหกรรม
    • การกำหนดราคาโฆษณาอย่างไม่เป็นธรรม: มีการอ้างว่า Google ใช้วิธีการต่างๆ เช่น First Look และ Dynamic Revenue Share เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตนเองในการประมูลโฆษณา โดยเป็นการเอาเปรียบผู้เผยแพร่โฆษณา
    • การขาดความโปร่งใส: Google ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าขาดความโปร่งใสในการดำเนินการประมูลโฆษณาและการกำหนดราคา

    นอกจากนี้ ในระหว่างการพิจารณาคดี ยังมีพยานหลายคนให้การที่สนับสนุนข้อกล่าวหาเหล่านี้ เช่น:

    • สเตฟานี เลย์เซอร์ อดีตผู้บริหารด้านโฆษณาของ News Corp ให้การว่าเครื่องมือโฆษณาของ Google ทำให้ผู้เผยแพร่รู้สึก “ติดกับดัก” ไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้บริการอื่นได้
    • เจย์ ฟรีดแมน ซีอีโอของ Goodway Group วิพากษ์วิจารณ์การกำหนดราคาแบบผันแปรของ Google ว่าเป็นการ “เล่นเกม” กับระบบ
    • ไอซาร์ ลิปโควิตซ์ อดีตรองประธานฝ่ายวิศวกรรมของ Google ให้การว่าแนวปฏิบัติในการประมูลโฆษณาของ Google นั้นไม่ยุติธรรมและขาดความโปร่งใส

    ทั้งนี้ Google ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยอ้างว่ามีการแข่งขันอย่างเข้มข้นในตลาดโฆษณาดิจิทัล และบริษัทได้ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ผลของคดีนี้อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อ Google และอุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัลโดยรวม TBS Marketing จึงแนะนำให้ผู้ประกอบการและนักการตลาดติดตามพัฒนาการของคดีนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

    ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่ออุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัล

    คดีการกีดกันเรื่องแอดเทคของ Google อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัล หากศาลตัดสินว่า Google มีความผิดจริง ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นมีดังนี้:

    • การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด: อาจมีการบังคับให้ Google แยกส่วนธุรกิจโฆษณาออกจากกัน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโครงสร้างตลาดโฆษณาดิจิทัล
    • เพิ่มการแข่งขัน: การลดอำนาจผูกขาดของ Google อาจเปิดโอกาสให้บริษัทอื่นๆ เข้ามาแข่งขันในตลาดมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่นวัตกรรมใหม่ๆ และทางเลือกที่หลากหลายสำหรับผู้ลงโฆษณาและผู้เผยแพร่
    • ความโปร่งใสในการประมูลโฆษณา: อาจมีการบังคับใช้มาตรการเพื่อเพิ่มความโปร่งใสในกระบวนการประมูลโฆษณา ซึ่งจะช่วยให้ผู้ลงโฆษณาและผู้เผยแพร่เข้าใจกลไกการทำงานของระบบมากขึ้น
    • การเปลี่ยนแปลงในการกำหนดราคา: หากมีการเปลี่ยนแปลงในระบบการประมูลโฆษณา อาจส่งผลต่อวิธีการกำหนดราคาโฆษณา ซึ่งอาจทำให้ราคาโฆษณาเปลี่ยนแปลงไป
    • ผลกระทบต่อผู้ลงโฆษณารายย่อย: การเปลี่ยนแปลงในระบบโฆษณาของ Google อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจขนาดเล็กที่พึ่งพาแพลตฟอร์มของ Google ในการทำโฆษณา
    • การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่: การเปิดตลาดให้มีการแข่งขันมากขึ้นอาจกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีโฆษณาใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากขึ้น
    • การเปลี่ยนแปลงในการใช้ข้อมูลผู้ใช้: อาจมีการกำหนดกฎเกณฑ์ใหม่เกี่ยวกับการใช้ข้อมูลผู้ใช้ในการโฆษณา ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย

    อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจริงยังขึ้นอยู่กับผลการตัดสินของศาลและมาตรการที่จะถูกนำมาใช้ ผู้ประกอบการและนักการตลาดควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเตรียมพร้อมปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น

    TBS Marketing แนะนำให้ธุรกิจต่างๆ พิจารณาวางแผนกลยุทธ์โฆษณาดิจิทัลที่หลากหลายและไม่พึ่งพาแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่งมากเกินไป เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความยืดหยุ่นในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าโดยตรง เพื่อลดการพึ่งพาโฆษณาจากแพลตฟอร์มภายนอกในระยะยาว

    ท่าทีและการตอบโต้ของ Google ต่อคดีนี้

    Google ได้แสดงท่าทีและการตอบโต้ต่อคดีการกีดกันเรื่องแอดเทคอย่างชัดเจน โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้:

    • ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด: Google ยืนยันว่าไม่ได้มีพฤติกรรมผูกขาดหรือต่อต้านการแข่งขันแต่อย่างใด โดยอ้างว่าตลาดโฆษณาดิจิทัลมีการแข่งขันสูงและมีผู้เล่นหลายราย
    • ชี้แจงเรื่องการแข่งขันในตลาด: บริษัทนำเสนอแผนภูมิแสดงคู่แข่งสำคัญในตลาด เช่น Microsoft, Amazon, Meta และ TikTok เพื่อแสดงให้เห็นว่าตลาดมีการแข่งขันจริง
    • โต้แย้งนิยามตลาดของ DOJ: Google อ้างว่านิยามตลาดของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ถูก “บิดเบือน” เพื่อทำให้ Google ดูเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาดมากเกินจริง
    • ยืนยันประโยชน์ต่อผู้ใช้และธุรกิจขนาดเล็ก: Google อ้างว่าบริการของตนช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหากแพ้คดีนี้ ธุรกิจเหล่านี้จะได้รับผลกระทบมากที่สุด
    • ชี้แจงเรื่องค่าธรรมเนียม: บริษัทยืนยันว่าค่าธรรมเนียมของตนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม และผู้ใช้มีทางเลือกในการใช้เครื่องมือโฆษณาที่หลากหลาย
    • เน้นย้ำการสร้างนวัตกรรม: Google อ้างว่าบริษัทได้ลงทุนอย่างมากในการพัฒนาเทคโนโลยีโฆษณา ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการโฆษณาดิจิทัล
    • ปกป้องการใช้ข้อมูลผู้ใช้: บริษัทยืนยันว่าได้ใช้ข้อมูลผู้ใช้อย่างรับผิดชอบและเป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

    นอกจากนี้ Google ยังได้ใช้กลยุทธ์การสื่อสารเชิงรุกเพื่อชี้แจงจุดยืนของบริษัทต่อสาธารณะ โดยเผยแพร่บทความ บล็อก และให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอมุมมองของบริษัทและตอบโต้ข้อกล่าวหาต่างๆ

    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่าการตอบโต้ของ Google อาจไม่เพียงพอที่จะหักล้างหลักฐานและคำให้การของพยานในชั้นศาล ซึ่งรวมถึงอดีตพนักงานของ Google เอง ที่ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการดำเนินงานภายในของบริษัท

    TBS Marketing มองว่าผู้ประกอบการและนักการตลาดควรติดตามท่าทีและการตอบโต้ของ Google อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งพิจารณาข้อมูลจากทุกฝ่ายอย่างรอบด้าน เพื่อประเมินสถานการณ์และเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัล ไม่ว่าผลของคดีจะออกมาในทิศทางใด

    โพสต์ใน

    Free Strategy Consultation


    As a full-service agency, we take pleasure in providing comprehensive solutions that are tailored to your specific requirements.

    Simply contact one of our experts by phone, filling out our contact form, or sending us an email. We're always available to listen and assist you as you navigate the ever-changing world of digital marketing.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

    ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

    คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

    ยอมรับทั้งหมด
    จัดการความเป็นส่วนตัว
    • เปิดใช้งานตลอด

    บันทึกการตั้งค่า