Google ทำลายระบบติดตามอันดับคีย์เวิร์ด และ ChatGPT อาจไม่สำคัญอย่างที่คิด – ข่าว SEO กันยายน 2025

สารบัญ

    ตลอดเดือนกันยายนที่ผ่านมา วงการ SEO เต็มไปด้วยกระแสข่าวที่สร้างแรงสั่นสะเทือน โดยหนึ่งในประเด็นใหญ่คือการตัดสินใจของ Google ที่ยกเลิกฟีเจอร์การแสดงผลการค้นหาแบบ 100 อันดับต่อหน้า เหลือเพียงการแสดงผลตามค่าเริ่มต้น 10 อันดับต่อหน้าเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เครื่องมือติดตามอันดับคีย์เวิร์ดยอดนิยมอย่าง SEMRush และ Ahrefs เผชิญปัญหาในการดึงข้อมูลอันดับครบ 100 ตำแหน่ง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการรายงานผลลัพธ์ที่นักการตลาดคุ้นเคย

    อย่างไรก็ตาม สำหรับ SEO Thailand ที่พัฒนา Rank Tracker ของตนเองด้วยภาษา Java โดยไม่ได้พึ่งพาพารามิเตอร์ num=100 จึงไม่ประสบปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ถือเป็นตัวอย่างของการลงทุนด้านเครื่องมือภายในที่ช่วยให้การทำงานมีความต่อเนื่องและยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงของแพลตฟอร์มใหญ่

    อีกหนึ่งประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางคือ อนาคตของการค้นหาที่อาจไม่มี “Blue Links” แบบดั้งเดิมอีกต่อไป เนื่องจากการมาของ AI Generated Answers ผ่านโหมดใหม่ของ Google รวมถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ ChatGPT ในฐานะเครื่องมือค้นหาทางเลือก ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่าโมเดลการค้นหาข้อมูลกำลังเปลี่ยนจาก “การกดลิงก์เพื่อหาคำตอบ” ไปสู่ “การได้คำตอบโดยตรงจาก AI” ซึ่งเป็นความท้าทายใหม่ที่นักการตลาดต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

    เมื่อวันที่ 10 กันยายน Google Google ลบพารามิเตอร์การแสดงผลลัพธ์ 100 อันดับ

    เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา Google ได้ลบพารามิเตอร์ที่อนุญาตให้ผู้ใช้เลือกดูผลการค้นหาแบบ 100 ลิงก์ต่อหน้า แทนที่จะเป็น 10 ลิงก์ตามค่าเริ่มต้น แม้การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่ใช่การอัปเดตอัลกอริทึมและไม่ส่งผลโดยตรงต่ออันดับเว็บไซต์ แต่กลับส่งผลกระทบต่อวิธีการติดตามผลลัพธ์ SEO อย่างมีนัยสำคัญ

    โดยทั่วไปแล้ว ผู้ใช้งานทั่วไปอาจไม่ค่อยสังเกตหรือใช้งานฟีเจอร์นี้มากนัก ทว่าเครื่องมือติดตาม SERP และบอทจำนวนมาก รวมถึงระบบที่ใช้ AI ต่างอาศัยพารามิเตอร์ดังกล่าวในการดึงข้อมูลจาก Google เมื่อพารามิเตอร์นี้ถูกยกเลิกไป ทำให้หลายเครื่องมืออย่าง SEMRush และ Ahrefs เริ่มประสบปัญหาในการรายงานผลอันดับลูกค้า ซึ่งเห็นได้ชัดจาก SEMRush Sensor ที่แสดงความผิดปกติอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 10–17 กันยายน เนื่องจากไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลครบถ้วน

    อย่างไรก็ตาม ที่ SEO Thailand เรามีความได้เปรียบ เนื่องจากได้พัฒนา Rank Tracker Proprietary ของเราเองด้วยภาษา Java โดยไม่ต้องพึ่งพาการดึงข้อมูลจากหน้า num=100 ทำให้ไม่ถูกกระทบจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เลย อีกทั้ง เรายังเสริมการทำงานด้วยการใช้เครื่องมือหลากหลาย เช่น Ahrefs  SEMRush  SE Ranking และ SerpWatcher เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลแบบ cross-reference ให้ได้มุมมองที่แม่นยำและรอบด้านมากขึ้น

    ผลกระทบต่อ Google Search Console

    หลังจากการเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดของ Google เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา หลายคนที่ทำงานด้าน SEO รวมถึงเจ้าของเว็บไซต์ต่างเริ่มสังเกตเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในข้อมูลจาก Google Search Console (GSC) ที่ตัวเลขจำนวนการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ลดลง และจำนวนคีย์เวิร์ดที่เว็บไซต์ปรากฏก็มีน้อยลงกว่าที่เคย

    สาเหตุไม่ได้เกิดจากการอัปเดตอัลกอริทึมหรืออันดับตก แต่เป็นผลโดยตรงจากการที่ Google ลบฟีเจอร์การเข้าถึงหน้าผลลัพธ์ 100 ลิงก์ออกไป ก่อนหน้านี้ เครื่องมือติดตามอันดับและบอทต่าง ๆ รวมถึง AI Bots มักจะดึงข้อมูลผ่านหน้าดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้เกิดยอดการเข้าเว็บไซต์ไม่ถูกต้องยนรายงานของ Search Console

    เมื่อฟีเจอร์ดังกล่าวถูกลบไป ตัวเลขที่เห็นใน GSC จึงสะท้อนผลลัพธ์จริงมากขึ้น แม้จะทำให้ดูเหมือนว่าตัวเลขลดลง แต่แท้จริงแล้วเป็นเพียงการปรับกลับสู่ความถูกต้อง มากกว่าการที่เว็บไซต์สูญเสียการมองเห็นไปจริง ๆ

    ดังนั้น หากคุณสังเกตว่าตัวเลขแสดงจำนวนการเข้าใช้งานเว็บไซต์ลดลงตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน เป็นต้นมา ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก เพราะนี่คือข้อมูลที่ใกล้เคียงกับสภาพจริงของการค้นหามากกว่าเดิม คำแนะนำคือ ควรใช้ Google Search Console เป็นแหล่งข้อมูลหลักในการตรวจสอบประสิทธิภาพของเว็บไซต์ พร้อมรับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับปัญหาการจัดทำดัชนี (Indexing Issues) เพื่อให้คุณสามารถติดตามและปรับปรุง SEO ได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    การปรับปรุง ChatGPT Searchในวันที่ 16 กันยายน 

    การอัปเดตนี้สะท้อนให้เห็นว่า OpenAI ไม่ได้มอง ChatGPT เพียงแค่เป็นเครื่องมือสนทนา (Conversational AI) เท่านั้น แต่ยังผลักดันให้กลายเป็น แพลตฟอร์มการค้นหาข้อมูล ที่สามารถแข่งขันกับ Search Engine แบบดั้งเดิมได้โดยตรง นี่เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่นักการตลาดควรจับตามอง เพราะอาจเปลี่ยนพฤติกรรมการค้นหาของผู้ใช้งานในระยะยาว และส่งผลต่อกลยุทธ์ SEO ที่เราคุ้นเคยมานาน

    ChatGPT สำคัญแค่ไหนจริงๆ?

    แม้ว่า OpenAI จะเปิดเผยผลการวิจัยว่า 21.3% ของคำสั่งใน ChatGPT เป็นการค้นหาข้อมูล แต่เมื่อเปรียบเทียบเชิงปริมาณแล้ว กลับเห็นภาพที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจน

    Rand Fishkin ได้คำนวณและพบว่า ตัวเลขดังกล่าวคิดเป็นเพียง 66.5 ล้านการค้นหาต่อวันทั่วโลก ซึ่งถือว่าน้อยมากหากเทียบกับ Google ที่มีปริมาณการค้นหามากถึง 14,000 ล้านครั้งต่อวัน

    นอกจากนี้ Rand ยังดึงข้อมูลจากเว็บไซต์ chatgpt-vs-google.com ซึ่งรวบรวมข้อมูลการเข้าชมจากกว่า 50,000 เว็บไซต์ พบว่า มีเพียง 0.21% ของ Traffic ที่มาจาก ChatGPT ขณะที่ Google ยังคงครองสัดส่วนสูงถึง 41.13% ของการเข้าชมเว็บไซต์ทั้งหมด

    ข้อสรุปที่ Rand เน้นย้ำคือ “นักการตลาดควรระวังไม่ให้เสียเวลาและงบประมาณมากเกินไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับเครื่องมือ AI แม้จะเป็นประเด็นที่ถูกโปรโมตอย่างหนักโดยเอเจนซี่ แต่สิ่งที่ควรทำจริง ๆ คือจัดลำดับความสำคัญของการตลาดอย่างสมเหตุสมผล” 

    จากประสบการณ์ตรงของทีม SEO Thailand ที่ได้ทำงานด้าน AIO (AI Optimization) มานานกว่า 3 ปี เราพบว่า มุมมองนี้สอดคล้องกับความเป็นจริงอย่างยิ่ง สิ่งสำคัญคือ อย่าเพิ่งวิ่งตามกระแสอย่างไม่ไตร่ตรอง แต่ควรวางรากฐานการตลาดที่มั่นคงก่อน ซึ่งจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณได้ประโยชน์ทั้งจาก SEO แบบดั้งเดิม และการค้นหาที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในอนาคตไปพร้อมกัน

    คำแนะนำจากเรา คือ ตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคุณเหมาะสมกับเครื่องมือค้นหาที่ใช้ AI หรือยัง โดยการสร้างคอนเทนต์ที่

    • ตอบคำถามได้อย่างตรงประเด็น
    • มีโครงสร้างข้อมูลที่ดี (Structured Content)
    • ให้ข้อมูลครบถ้วนและเชื่อถือได้

    สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้ Google เข้าใจและจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณได้ดีขึ้น แต่ยังเพิ่มโอกาสให้ ChatGPT และเครื่องมือ AI อื่น ๆ เลือกเว็บไซต์คุณไปแสดงผลในฐานะแหล่งข้อมูลหลักด้วย

    อัปเดต Spam เดือนสิงหาคมเสร็จสิ้นในวันที่ 22 กันยายน 

    Google ได้ประกาศอัปเดต Spam ประจำเดือนสิงหาคม ตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม และการอัปเดตได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 22 กันยายน รวมระยะเวลาดำเนินการทั้งหมด 27 วัน อย่างไรก็ตาม Google ไม่ได้ออกมาสื่อสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลลัพธ์หรือรายละเอียดของการอัปเดตครั้งนี้

    Barry Schwartz ผู้เชี่ยวชาญด้านการอัปเดตของ Google แสดงความคิดเห็นผ่านช่อง YouTube ของเขาว่า การอัปเดตครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อเว็บไซต์จำนวนมาก โดยตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคมเป็นต้นมา มีเว็บไซต์ที่สูญเสียอันดับและ Traffic อย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังพบความผันผวนเพิ่มเติมในวันที่ 9 กันยายน ก่อนที่เครื่องมือติดตาม SERP หลายตัวจะเริ่มหยุดทำงาน (ซึ่งเกี่ยวข้องกับข่าวการลบพารามิเตอร์ num=100 ของ Google ข้างต้น)

    สำหรับ SEO Thailand เรายังคงสามารถติดตามผลได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากใช้ Rank Tracker Proprietary ที่พัฒนาเอง ไม่ต้องพึ่งพาพารามิเตอร์ดังกล่าว

    แตกต่างจาก Core Updates ที่เน้นการปรับปรุงระบบการจัดอันดับโดยรวม Spam Update มุ่งเป้าไปที่เว็บไซต์ที่ละเมิดนโยบายสแปมของ Google โดยตรง ตัวอย่างเช่น

    • Cloaking (แสดงเนื้อหาแตกต่างให้ผู้ใช้กับบอท)
    • Hidden Text (ซ่อนข้อความเพื่อหลอก Search Engine)Machine-Generated Traffic (ปริมาณผู้เข้าชมปลอม)
    • Scaled Content Abuse (การสร้างคอนเทนต์จำนวนมากแบบไร้คุณภาพ)

    ข่าวดีคือ มีรายงานว่าเว็บไซต์ที่เคยได้รับผลกระทบจาก Spam Update เดือนธันวาคม 2024 สามารถฟื้นตัวได้ระหว่างการอัปเดต August 2025 ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเว็บไซต์ที่ถูกลงโทษยังมีโอกาสฟื้นอันดับได้ หากสามารถระบุและแก้ไขปัญหาที่ละเมิดนโยบายได้อย่างถูกต้อง

    คำแนะนำ: หากคุณพบว่าเว็บไซต์ของคุณเสียอันดับคีย์เวิร์ดตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม – 22 กันยายน ควรตรวจสอบโดยละเอียดว่าเว็บไซต์มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายสแปมหรือไม่ และรีบดำเนินการแก้ไขให้สอดคล้องกับนโยบายของ Google เพื่อเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัว

    oogle AI Mode กำลังจะเป็น Default ใน Chrome (เร็วๆ นี้)

    เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Search Engine Land ได้เผยแพร่บทความหัวข้อ “Google AI Mode may become the default Google Search experience soon” ซึ่งสร้างความสนใจอย่างมากในวงการ SEO จนกระทั่ง Robby Stein รองประธาน Google ต้องออกมาปฏิเสธผ่านแพลตฟอร์ม X (Twitter เดิม) อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายก็ยอมรับว่า ทิศทางของ Google กำลังมุ่งไปสู่ AI Search อย่างชัดเจน

    AI Mode เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยนำเสนอผลลัพธ์ในรูปแบบ AI Chat เป็นคำตอบโดยตรงต่อคำถามของผู้ใช้ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกนอกเหนือจากผลลัพธ์การค้นหาแบบดั้งเดิมที่มีเพียงลิงก์ 10 อันดับ โดยล่าสุด Google ยังได้เปิด URL แยกโดยเฉพาะและขยายการให้บริการแล้วกว่า 180 ประเทศ 7 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ ฮินดี  อินโดนีเซีย  ญี่ปุ่น เกาหลี โปรตุเกส (บราซิล) และสเปน

    แม้ในประเทศไทย AI Mode จะยังไม่ถูกตั้งเป็นค่าเริ่มต้น (Default) แต่ก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น โดยเฉพาะหลังจากข่าวเมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ระบุว่า Chrome เวอร์ชันใหม่จะบูรณาการ AI Mode เข้ากับแถบค้นหา (Omnibox) ซึ่งจะทำให้ AI Mode เด่นชัดขึ้นอย่างมากบนเดสก์ท็อป

    ความเปลี่ยนแปลงสำคัญใน Chrome เวอร์ชันใหม่

    • มีการรวม AI Browsing Assistant จาก Gemini ซึ่งทำงานในลักษณะ Agentic คือช่วยแนะนำการค้นหาเชิงรุก
    • Omnibox (แถบค้นหา URL) จะถูกปรับปรุงด้วยระบบ AI เพื่อแสดงคำแนะนำตามบริบทของผู้ใช้
    • ผู้ใช้อาจถูกเชิญชวนให้เข้าสู่ AI Mode เพื่อรับคำตอบโดยตรงจาก AI

    แม้ว่าการพิมพ์คำถามแล้วกด Enter จะยังคงพาผู้ใช้ไปสู่หน้าผลการค้นหาแบบดั้งเดิม แต่การมาของ AI Mode ที่ถูกรวมเข้ากับ Chrome จะทำให้บทบาทของมันชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ และอาจกลายเป็น ค่าเริ่มต้นของประสบการณ์ค้นหาในอนาคตอันใกล้นี้

    ผลกระทบต่อ SEO ไทย

    หาก AI Mode กลายเป็นคำตอบเริ่มต้นที่ Google นำเสนอแก่ผู้ใช้จริง สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือเว็บไซต์จำนวนมากจะสูญเสีย Organic Traffic จาก Google อย่างมหาศาล ขณะเดียวกัน ผู้ลงโฆษณาที่ใช้ Google Ads ก็ยังไม่มั่นใจว่าโฆษณาจะถูกแสดงใน AI Mode อย่างไร และย่อมไม่พอใจกับการหายไปของผลลัพธ์การค้นหาแบบเดิมที่เคยมีพื้นที่แสดงชัดเจน

    แม้ในประเทศไทยตอนนี้ AI Mode ยังไม่รองรับภาษาไทย แต่สำหรับธุรกิจหรือเว็บไซต์ที่มีคอนเทนต์ภาษาอังกฤษหรือภาษาที่ AI Mode เปิดให้บริการแล้ว (7 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ, ฮินดี, อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น, เกาหลี, โปรตุเกสบราซิล และสเปน) ควรเริ่ม ทดสอบด้วยตนเอง โดยการค้นหาคีย์เวิร์ดของคุณใน AI Mode เพื่อประเมินว่า AI นำเสนอข้อมูลของคุณอย่างไร

    จากประสบการณ์ที่ผมทำงานด้าน Information Retrieval และ Crawler มาตลอด สิ่งที่เห็นชัดคือ เรากำลังเข้าสู่ยุคที่ผลลัพธ์การค้นหาไม่ใช่เพียงรายการลิงก์อีกต่อไป แต่จะเป็นคำตอบโดยตรงจาก AI

    ดังนั้น กลยุทธ์ที่ดีที่สุด สำหรับทั้ง SEO แบบดั้งเดิมและ AIO (AI Optimization) ในยุคใหม่ คือการสร้างคอนเทนต์ที่

    • มีคุณภาพสูงและน่าเชื่อถือ
    • ตอบคำถามได้อย่างตรงประเด็น
    • แสดง Expertise และ Authority ที่แท้จริง

    สิ่งเหล่านี้จะยังคงเป็นรากฐานสำคัญของการตลาดดิจิทัล ไม่ว่าระบบค้นหาจะเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใดก็ตาม

    ผลกระทบจากการอัปเดต Spam และธุรกิจในประเทศไทยควรเตรียมพร้อมรับมือ

    เดือนกันยายน 2025 ถือเป็นอีกหนึ่งเดือนสำคัญในวงการ SEO โดยมีการเปลี่ยนแปลงหลายประการที่ส่งผลโดยตรงต่อทั้งนักการตลาดและเจ้าของเว็บไซต์

    1. การลบพารามิเตอร์การแสดงผลลัพธ์ 100 อันดับของ Google
    Google ได้ยกเลิกการเข้าถึงหน้าผลการค้นหาแบบ 100 ลิงก์ ส่งผลให้เครื่องมือติดตามอันดับหลายตัวไม่สามารถรายงานข้อมูลได้ครบถ้วน อย่างไรก็ตาม ที่ SEO Thailand เรายังคงสามารถติดตามอันดับได้อย่างแม่นยำ ด้วย Rank Tracker Proprietary ที่พัฒนาขึ้นเอง พร้อมเครื่องมือเสริมอื่น ๆ เพื่อใช้ในการ cross-reference

    2. การอัปเดต August Spam Update
    การอัปเดตนี้เสร็จสิ้นแล้ว และมีเว็บไซต์จำนวนไม่น้อยที่ได้รับผลกระทบ หากเว็บไซต์ของคุณพบว่ามีอันดับคีย์เวิร์ดหรือทราฟฟิกลดลงตั้งแต่ช่วงปลายเดือนสิงหาคม ควรรีบตรวจสอบว่าเว็บไซต์มีพฤติกรรมที่ละเมิดนโยบายสแปมของ Google หรือไม่ และดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว เพื่อเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัวในรอบอัปเดตถัดไป

    3. ChatGPT และ AI Mode
    แม้ว่าจะมีการพูดถึงอย่างกว้างขวาง แต่ข้อมูลจริงสะท้อนว่า Google ยังคงเป็นแหล่งทราฟฟิกหลัก โดยมีส่วนแบ่งสูงกว่ามากเมื่อเทียบกับ ChatGPT ดังนั้น สิ่งสำคัญคืออย่าลืมรักษา พื้นฐาน SEO ที่ดี เพราะจะเป็นรากฐานที่ช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตได้ในระยะยาว

    สำหรับประเทศไทย แม้ AI Mode จะยังไม่ถูกตั้งเป็นค่าเริ่มต้น (Default) แต่ก็เป็นเพียงเรื่องของเวลา การเตรียมความพร้อมตั้งแต่วันนี้ด้วยการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพสูง ตอบโจทย์ผู้ใช้ และแสดงความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริง จะช่วยให้ธุรกิจของคุณพร้อมรับมือเมื่อ AI Mode เข้ามามีบทบาทเต็มตัวในตลาดไทย

    โพสต์ใน

    Free Strategy Consultation


    As a full-service agency, we take pleasure in providing comprehensive solutions that are tailored to your specific requirements.

    Simply contact one of our experts by phone, filling out our contact form, or sending us an email. We're always available to listen and assist you as you navigate the ever-changing world of digital marketing.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

    ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

    คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

    ยอมรับทั้งหมด
    จัดการความเป็นส่วนตัว
    • เปิดใช้งานตลอด

    บันทึกการตั้งค่า